พงศธร พิมพ์นวลศรี (BIM Consultant) Contact : pi.pongsatorn@lpn.co.th
ทุกวันนี้ BIM ได้ถูกนำเข้ามาใช้งานอย่างแพร่หลายในวงการก่อสร้าง ทำให้เห็นแล้วถึงประสิทธิภาพที่มากขึ้น จากการทำงานด้วย BIM ทั้งคุณภาพงานก่อสร้าง การควบคุมงบประมาณ และเวลาในการก่อสร้าง รวมไปถึงประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันของทุกฝ่าย แม้ว่าจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งในการนำเทคโนโลยีใหม่นี้มาใช้ แต่ BIM ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า เมื่อนำไปใช้งานอย่างถูกต้อง เทคโนโลยีนี้จะมีประโยชน์อย่างมหาศาล ในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ใช้แรงงานคนเป็นปัจจัยหลักเช่นนี้
การสร้างแบบจำลองสารสนเทศอาคาร (Building Information Model) มีผลต่อกระบวนการก่อสร้างไปไกลกว่าแค่การสร้างแบบจำลอง 3D ในปัจจุบัน BIM มีส่วนช่วยในทุกขั้นตอนของกระบวนการก่อสร้าง ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต การจัดการโครงการ ไปจนถึงการส่งมอบเมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์
“ คำถาม คือ เราจะพัฒนาอุตสาหกรรมการก่อสร้างด้วย BIM ต่อไปได้อย่างไร ? ”
คำตอบของการพัฒนาเรื่องใด ๆ ในยุคนี้ อาจไม่ได้ต่างไปจากอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่นำเอาเทคโนโลยีมาขยายขีดจำกัดในการทำงาน คำตอบนั่นก็คือ Artificial Intelligence (AI) สิ่งที่หลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสิ่งนี้กันมาสักพักแล้ว เพราะแม้ว่า BIM ได้นำพาเราไปไกลมากในแง่ของกระบวนการก่อสร้าง AI อาจจะพาเราไปได้ไกลยิ่งกว่า ผ่านการใช้ Machine Learning ในการพัฒนาประสิทธิภาพยิ่ง ๆ ขึ้นไป
Artificial Intelligence ?
AI : Artificial Intelligence หรือ ปัญญาประดิษฐ์ คือ คอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถในการรวบรวมและเรียนรู้ข้อมูล เพื่อนำมาในการคิดวิเคราะห์และจัดการหาวิธีแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง ยิ่งมีฐานข้อมูลมากเท่าไหร่ การประมวลผลก็จะยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งนี่คือกุญแจสำคัญในงานก่อสร้างอย่างมาก เพราะในอุตสาหกรรมการก่อสร้างมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดการทรัพยากรทั้งคนและเวลา ซึ่งจุดนี้เองที่ AI จะเข้ามาช่วยให้เราปรับปรุงกระบวนการเหล่านี้ได้ ทั้งในแง่ของการลดต้นทุน ลดเวลา ลดความเสี่ยง อันเป็นปัจจัยหลัก ๆ ในการปรับปรุงคุณภาพงานก่อสร้าง
แล้ว AI กับ BIM เกี่ยวกันอย่างไร ? อันที่จริงปัจจุบัน Software BIM เริ่มมีความสามารถในการใช้ Machine Learning เพิ่มเข้ามา โดยใช้เพื่อการศึกษาข้อมูล ตรวจจับรูปแบบ และทำการตัดสินใจในบางกระบวนการที่สามารทำให้เป็นอัตโนมัติได้ แม้กระทั่งการปรับปรุงกระบวนการสร้างแบบจำลอง 3 มิติ ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นด้วย Software BIM เหล่านี้รวบรวมข้อมูลเอาไว้จำนวนมาก และใช้ AI สำรวจความเป็นไปได้ในทุก ๆ มิติ แล้วจึงค้นหาทางออกที่ดีที่สุด ได้รวดเร็ว และแม่นยำกว่ามนุษย์หลายเท่าตัว
ตัวอย่างการนำ AI มาผนวกกับ BIM ทำให้โครงการก่อสร้างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Source : https://www.autodesk.com/autodesk-university/fr/node/751
การออกแบบอาคาร : AI เป็นตัวช่วยในการออกแบบที่ดีอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับโครงการที่มี Design Criteria มาก ๆ ผู้ออกแบบสามารถสร้าง กฏ หรือ ข้อกำหนด ขึ้นมา และให้ AI ช่วยคิด, วิเคราะห์, ประมวลผล และปรับปรุงผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ ให้ได้ดีที่สุดตามความต้องการ สิ่งนี้เรียกว่า Generative Design ซึ่งเป็นเครื่องมือใหม่ที่ทำให้สถาปนิกหรือผู้ออกแบบอาคาร สามารถใช้ AI ช่วยออกแบบได้ตั้งแต่ Footprint ของอาคารบนที่ดิน ให้ได้ผังพื้นที่คุ้มค่าที่สุด, การออกแบบกรอบอาคาร (Façade Design) ที่เหมาะสมต่อสภาพภูมิอากาศที่สุด, การออกแบบโครงสร้างอาคารให้คุ้มค่าที่สุด โดยที่ยังรองรับน้ำหนักได้ตามกำหนด เป็นต้น
Source : https://www.youtube.com/watch?v=32CfICT-boI&ab_channel=ALICETechnologies
ควบคุมต้นทุน : ในปัจจุบันนั้น BIM ก็เข้ามาช่วยบริหารต้นทุนทั้งงบประมาณและเวลาได้อย่างมาก ด้วยการ Clash Detection, 4D Scheduling และ 5D Cost Estimate แต่ทุกกระบวนการก่อนหน้านี้ดำเนินการด้วยแรงงานของคน แต่เมื่อเราสามารถนำเอา AI เข้ามามีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแล้ว AI อาจช่วยวิเคราะห์และปรับปรุง Timeline การก่อสร้างให้สมจริงที่สุด ตามการวิเคราะห์ข้อมูลที่เคยสะสมมาจากโครงการก่อสร้างก่อนหน้า, ช่วยคาดการณ์ปัจจัยเสี่ยงและความรุนแรงความล่าช้าของโครงการ เพื่อให้ผู้ดูแลโครงการได้เตรียมป้องกันและรับมือได้ดีขึ้น
Source : http://www.abilitycorp.com.tw/html/product_system.php
Comments